หนึ่งในการรักษาที่กำลังถูกจับตามองและทำให้เกิดการถกเถียงทั้งในระดับวิชาการและสังคมก็คือยาบล็อกเกอร์ฮอร์โมนพิวเบอร์ตี้ ที่แพทย์สั่งจ่ายให้กับเด็กและวัยรุ่นที่มีภาวะ gender dysphoria เพื่อหยุดหรือชะลอการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงวัยแรกรุ่น เพื่อให้พวกเขามีเวลาไตร่ตรองทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมที่สุดกับเพศภาวะของตน
งานวิจัยยังให้ข้อมูลว่า การใช้ยาบล็อกเกอร์ฮอร์โมนพิวเบอร์ตี้ในวัยรุ่น อาจช่วยลดอัตราการฆ่าตัวตายในผู้ใหญ่ข้ามเพศ และช่วยลดการผ่าตัดข้ามเพศที่ราคาแพงในอนาคต เช่น การตัดเต้านมในผู้ชายข้ามเพศ หรือการกรีดลูกกระเดือกในผู้หญิงข้ามเพศ
แต่ก็ยังมีความกังวลถึงผลกระทบด้านสุขภาพระยะยาวของการใช้ยาดังกล่าวในเด็กและวัยรุ่น เช่น ผลต่อระดับแร่ธาตุในกระดูกเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ หรือการเจริญเติบโตในด้านส่วนสูงและภาวะเจริญพันธุ์ ทำให้แต่ละประเทศเริ่มทบทวนและกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย บางประเทศจำกัดการใช้ยาในเด็กยกเว้นในกรณีจำเป็น ขณะที่บางประเทศยังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนดำเนินการ ส่วนฝรั่งเศสถึงขั้นวางแผนออกกฎหมายห้ามผู้ป่วยอายุไม่ถึง 18 ปีใช้ยานี้เลยทีเดียว
นโยบายที่เข้มงวดขึ้นอาจทำให้เด็กและวัยรุ่นข้ามเพศเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ยากขึ้น ทางเลือกที่ปลอดภัยลดลง ในขณะที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงจากการรักษาแบบไร้การควบคุม ดังนั้นนอกจากเรื่องความปลอดภัยทางการแพทย์แล้ว ประเด็นนี้ยังเชื่อมโยงกับเรื่องสิทธิมนุษยชนที่เด็กและวัยรุ่นทุกคนควรเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ได้มาตรฐานโดยไม่แบ่งแยกเพศวิถี
ในประเทศไทย มีการใช้ยาบล็อกเกอร์ฮอร์โมนพิวเบอร์ตี้ในการดูแลรักษาเด็กและวัยรุ่นข้ามเพศเช่นกัน แต่ยังคงมีข้อจำกัดและความท้าทายอยู่หลายประการ
ตามข้อมูลจากสมาคมเพศวิถีศึกษาไทย (Thai Sexual Diversity Network) การรักษาภาวะ gender dysphoria ด้วยยาบล็อกเกอร์ฮอร์โมนพิวเบอร์ตี้สามารถทำได้ในโรงพยาบาลและคลินิกบางแห่ง โดยอยู่ภายใต้การดูแลของจิตแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศภาวะ
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงการรักษานี้อาจยังไม่ครอบคลุมและทั่วถึง เนื่องจาก:
- ยังไม่มีแนวทางปฏิบัติระดับชาติในการดูแลรักษาวัยรุ่นข้ามเพศ ทำให้การวินิจฉัยและการรักษาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์แต่ละราย
- การรักษานี้มีค่าใช้จ่ายสูงและมักไม่ได้รับการคุ้มครองจากประกันสุขภาพ ทำให้เป็นอุปสรรคสำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
- ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะ gender dysphoria และทางเลือกในการรักษายังไม่แพร่หลาย ทำให้ผู้ปกครองบางส่วนลังเลที่จะให้ลูกเข้ารับการรักษา
- ในสังคมไทยยังมีอคติและการตีตราต่อคนข้ามเพศอยู่มาก จึงอาจเป็นอุปสรรคให้เด็กและวัยรุ่นข้ามเพศไม่กล้าเปิดเผยตัวตนและเข้าหาความช่วยเหลือทางการแพทย์
ถึงกระนั้น ก็มีความพยายามผลักดันจากภาคประชาสังคม นักวิชาการ และบุคลากรทางการแพทย์ ให้มีระบบการดูแลสุขภาพของคนข้ามเพศที่เป็นมิตรและครอบคลุมมากขึ้น ไม่ว่าจะผ่านการให้ความรู้ การสร้างเครือข่าย หรือการขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อให้เด็กและวัยรุ่นข้ามเพศในสังคมไทยสามารถเติบโตและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ เท่าเทียม และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ที่มาข้อมูล: Transgender Health https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7073269/
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?