1. อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พี่บู เริ่มมีความสนใจเรื่องการปลูกโกโก้และการแปรรูปโกโก้ครับ

“เริ่มต้นจากการที่เราได้ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านที่เชียงรายค่ะ หลังจากตัดสินใจไป Work and Holiday ที่ออสเตรเลีย พอกลับมาประจวบเหมาะกับการที่เรามีสวนเงาะกับส้มโอที่พ่อกับแม่ปลูกไว้อยู่แล้ว เลยมีความต้องการที่จะปลูกอะไรเพิ่มอีกซักอย่างนึงในพื้นที่ 20 ไร่ ที่มันให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปีและสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้”

“จนมีเพื่อนบอกว่าปลูกโกโก้สิ แค่นั้นเลย เราเลยลองทำการศึกษาเรื่องโก้โก้ในประเทศไทยด้วยตัวเอง ลองปลูก ลองทำเริ่มเห็นแววดีเลยบินกลับไปที่ออสเตรเลียเพื่อทำงาน เอาเงินเก็บไปลงคอร์สเรียนเกี่ยวกับโกโก้เองอย่างจริงจังเลยแล้วกลับมาพัฒนา โชคดีที่เราจบวิศวะมา มันเลยทำให้เราเอาความรู้วิศวะมาจัดการเรื่องระบบกับโกโก้  เราเลยเห็นภาพว่าเราสามารถทำให้พื้นที่นี้เป็นตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำของโกโก้ได้เลย พอยิ่งทำ เรายิ่งรู้สึกว่าชอบ แล้วอยากทำให้ดี นี่แหละอาชีพที่เรามองหา แล้วเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2018 ค่ะ” 

2. แล้วในมุมของคนทำช็อคโกแล็ต ถ้านึกถึง Boo Chocolate ในตอนนี้นึกถึงอะไรครับ

“ผู้ปลุกโกโก้ที่ลงมือทำและรับผิดชอบความสุขของตัวเองค่ะ อย่างที่บอกไปว่าเราดูแลเค้าตั้งแต่ต้นทางมาถึงปลายทางในรูปแบบของช็อกโกแลตแบบ Farm to bar ตามที่ปรากฏอยู่บนตัวบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่เริ่มต้นการเพาะปลูก จัดการสวน จนมาถึงการแปรรูป  ในฐานะผู้ผลิตที่ตั้งต้นลงมือทำด้วยความสุข เราเลยอยากสร้าง ร่วมแบ่งปันหยิบยื่นส่งต่อความสุขนี้ไปให้กับผู้บริโภคค่ะ”

3. ขอพี่บูช่วยนิยามความสุข ในนามของคนปลูก + ผู้ผลิต Chocolate ให้ฟังนิดนึงครับ

“ถ้าถามถึงความสุขของเรา คือการได้ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำได้เกิดขึ้นจริง แล้วได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ได้เห็นการเติบโตของต้นโกโก้ที่เราปลูก แล้วกลายเป็นช็อคโกแลตที่ดี มีคุณภาพ ส่งถึงผู้บริโภค ถ้าให้เห็นภาพชัดๆ เป็นรูปธรรมเลยนะคะ ก็คือการรับผิดชอบตั้งแต่การปลูก แปรรูปผลโกโก้สดนำไปหมักเพื่อดึงเอารสชาติของเค้าออกมา แล้วนำไปตากเพื่อทำเป็นเมล็ดแห้งก่อนไปแปรรูปเป็นช็อกโกแลตต่อค่ะ ซึ่งทุกขั้นตอนอาศัยความละเอียด ใช้ทั้งความรู้และความใส่ใจพอสมควร เราจะย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่าเราต้องรับผิดชอบต่อความสุขนี้ ด้วยการดูแลต้นโกโก้ในสวนที่ปลูกมาแล้วกว่า 2,000 ต้นแบบไร้สารเคมีเพื่อรักษาผืนดิน และระบบนิเวศให้ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ค่ะ เวลาที่เราได้ทำ ช็อคโกแลตสักชิ้นออกมาแล้วมันถูกขายให้กับผู้บริโภค มันเหมือนว่าเราได้ส่งต่อความสุขใจตรงนี้ไปให้เค้าด้วยค่ะ นี่แหละคงเป็นนิยามของความสุขของ Boo Chocolate”

4. ทางพี่บูคิดว่าเรื่องเพศสภาพมีความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ที่ทำอยู่ตรงนี้ไหมครับในนามของผู้ผลิตโกโก้

“ส่วนตัวเรานิยามตัวเองว่าเป็น Non-Binary นะ เรากลับมองว่าเรื่องเพศไม่ได้มีปัญหา และส่งผลต่อการทำงานที่ทำอยู่ตอนนี้เลยค่ะ แต่สิ่งที่มีผลกระทบอยู่บ้างอาจเป็นกำลังกายที่มีจำกัดต่อวัน แต่เวลาที่ทำงาน เราก็จะลงมือลงแรงไปเต็มกำลังอยู่แล้ว  ภายในทีมก็จะมีเรากับผู้ช่วยที่เป็นผู้หญิง ชื่อพี่แวว ช่วยดูแลด้านการผลิตผลิตช็อกโกแลต และ สมจิต เป็นฝ่ายช่วยจัดการภายในสวนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเราอีกทีค่ะ”

5. จากประสบการณ์ที่พี่บูได้คลุกคลีกับการปลูก และแปรรูปโกโก้ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง มีความยากง่าย แตกต่างกันมากน้อยแต่ไหนครับ

“จากประสบการณ์ สิ่งแรกเป็นเรื่องสภาพอากาศ ดิน น้ำ ที่เราควบคุมไม่ได้ ที่เคยดูตัวอย่างของโกโก้ที่ปลูกภูมิภาคอื่นๆ เช่นภาคใต้เค้าก็จะมีสภาพอากาศฝน 8 แดด 4 ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการเติบโตของต้นโกโก้ และได้ผลผลิตตลอดทั้งปี แต่กลับกันทางภาคเหนือเรา เวลาปลูกก็จะได้ผลผลิตน้อยกว่าเค้าค่ะ แต่ตรงนี้กลับมีข้อดี ทำให้โกโก้แต่ละพื้นที่เวลามาทำเป็นช็อคโกแล็ตก็จะมีรสชาติ มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป อย่างที่สองในฐานะคนทำต้องเข้าใจทุกกระบวนการ  ตั้งแต่ต้นทางคือฟาร์ม ดูแลต้น ใบ ดอก เข้าใจลักษณะของต้นโกโก้ วิธีรักษาดูแลเค้าอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และทำอย่างต่อเนื่องค่ะ ไปจนถึงเวลาเตรียมโกโก้เพื่อการแปรรูปให้ได้คุณภาพตามที่ต้องการ ก็ต้องคอยสังเกต เอาใจใส่อยู่เสมอ โดยรวมแล้วความยากก็คือการดูน้ำให้ถึง และการตัดแต่งกิ่ง การหมัก การตาก การคั่วเมล็ดเพื่อสามารถดึงศักยภาพแต่ละล็อตออกมาให้ชัดที่สุด”

6. ทราบมาว่าทางพี่บูเป็นคนชอบการเดินทางท่องเที่ยวด้วย ตรงนี้ได้นำประสบการณ์เหล่านั้นมาเชื่อมกับงานที่ทำอยู่อย่างไรบ้างครับ

“เวลาเดินทางไปแต่ละที่เราก็มักจะได้เทคนิคบางอย่างกลับมาพัฒนากับโกโก้ของเราค่ะ  จากการแลกเปลี่ยน สอบถามเพื่อน เรียนรู้  และเราได้ค้นพบว่าในแต่ละพื้นที่ก็จะมีจุดเด่นของเค้าแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่ละเมือง แต่ละจังหวัด แต่ละท้องถิ่น อย่างสภาพดินในแต่ละพื้นที่ก็ส่งผลถึงความแตกต่างของรสชาติของช็อกโกแลตได้เลยนะคะ กลายเป็นว่าช็อกโกแลตสามารถมีรสชาติได้แตกต่างอย่างน่าสนใจ  แต่ละทีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” 

7. ขอให้พี่บูช่วยแนะนำ 5 ผลิตภัณฑ์ของ Boo Chocolate ที่อยากแนะนำให้คนรู้จักนิดนึงครับ

“ได้เลยค่ะ สินค้าที่ได้รับความสนใจเวลาไปออกบูธตอนนี้ก็มี 

1 – CACAO JUICE หรือ น้ำโกโก้สด ซึ่งทำมาจากผลโกโก้100 % ไม่มีสารปรุงแต่งใดๆ ซื้อไปแช่เย็นกินแล้วสดชื่น มีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีจากธรรมชาติค่ะ

2 – Chocolate Bars เป็นตัว Dark Chocolate ที่มีคาแรคเตอร์ต่างกันในแต่ละเปอร์เซ็นต์ค่ะ ดาร์กช็อกโกแลตของเราตอนนี้มีตั้งแต่ 70 – 100% ค่ะ ช่วงนี้ที่ทำขึ้นมาล่าสุดเป็น Dark 75% ค่ะ

3 – COCOA POWDER  เป็นผง Chocolate สำหรับชงดื่ม สกัดมาจากเมล็ดโกโก้ 100 % ไม่เติมสี เติมความหวานจากน้ำตาลใดๆ ค่ะ 

4 – CACAO SYRUP ที่เป็นไซรัปเข้มข้นจากผลโกโก้ค่ะ 

และ 5 – ตัวนี้ที่อยากนำเสนอเลยคือ CHOCOLATE CUBE เป็นช็อกโกแลตผสมกับอัลมอลต์ และเม็ดมะม่วงหินมพานต์กรุบกรอบ 

8. Chocolate Cube ที่ทำอยู่มีกี่แบบครับ

“ปกติเราทำออกมา 3 รสด้วยกัน มี Dark chocolate 72% / Milk Chocolate 43% และ White Chocolate 35% ค่ะ”

9. ล่าสุดเห็นว่ามี Chocolate cube ที่ทำออกมาพิเศษด้วยใช่ไหมครับ 

“ใช่แล้วค่ะ เป็น Chocolate cube Pride Edition ที่มีขายเฉพาะที่เพจ Genderation จากความตั้งใจของเราที่อยากร่วมเฉลิมฉลองกับความหลากหลายทางเพศ และอยากร่วมแบ่งปันความสุขในช่วง Pride Month ประกอบกับการที่เราค้นพบว่า ช็อคโกแลตก็สามารถทำให้มีสีสันน่ารักๆ ได้เลยทำการรังสรรค์ความพิเศษ + ความภาคภูมิใจนี้ สู่ Chocolate cube ที่ทำจาก White Chocolate ค่ะ สีก็เป็นสีผสมอาหารที่ปลอดภัย บริโภคได้ นำมาผสมกับตัวโกโก้บัทเตอร์เพื่อเป็นแม่สี แล้วนำมาผสมกับตัว  White Chocolate เข้มข้น ผสมกับอัลมอนด์และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ได้อย่างลงตัว ในฐานะผู้ผลิต เราก็อยากส่งต่อความสุขนี้ค่ะ” 

Chocolate Cube Pride Edition
ราคา 220 บาท เท่านั้น (ปริมาณ 80 กรัม)

ส่งทั่วประเทศไทย ค่าจัดส่ง 150 บาท สินค้ามีจำนวนจำกัด

สนใจติดต่อได้ที่ Inbox เพจ Genderation http://m.me/genderationth

 

รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?