เหตุผลที่ Deliveroo จัดโครงการนี้ขึ้นก็เพราะงานวิจัยต่างๆ บอกว่าพนักงานกลุ่ม LGBTQ+ ในวงการอาหารต้องเผชิญปัญหาการขาดตัวแทนและไม่ได้รับการยอมรับอย่างเหมาะสม หลายคนยังไม่กล้าแสดงตัวตนที่แท้จริงในที่ทำงานด้วยความกังวล โครงการ The Open Kitchen จึงต้องการเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้เชฟมือใหม่ได้ฝึกฝน ได้เห็นต้นแบบที่มาจากชุมชนเดียวกันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และหวังว่าจะช่วยเพิ่มความหลากหลายในวงการอาหารให้มากขึ้น
แม้จะเป็นแค่โครงการเล็กๆ แต่การลงมือทำของ Deliveroo ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการสร้างโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถได้ประกอบอาชีพในสิ่งที่ตนเองรัก โดยไม่ถูกกีดกันเพราะเรื่องเพศวิถีหรืออัตลักษณ์ทางเพศ นอกจากนี้ Deliveroo ยังมีแผนจะจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนเชฟ LGBTQ+ ระยะยาวอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างดีๆ ของการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีพื้นที่ทำงานที่ปลอดภัยและเคารพในตัวตน
ในวาระเดือนแห่งความภาคภูมิใจนี้ หวังว่าทุกวงการจะเปิดใจและเปิดพื้นที่ต้อนรับความหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้ทำงานในสิ่งที่รักอย่างมีความสุขและเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพราะความเท่าเทียมและการเคารพในสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานที่ทุกคนพึงมี ไม่ว่าจะมีเพศสภาพหรือรสนิยมทางเพศอย่างไร โครงการเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยพลังใจอย่าง The Open Kitchen จึงเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจดีๆ ที่อยากชวนให้ทุกภาคส่วนในบ้านเราลองนำไปปรับใช้ เพื่อให้โลกของเราน่าอยู่มากขึ้นในทุกๆ วัน
ที่มา: The Pink News, Hypebeast
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?