ภาพยนตร์เรื่อง “Milk” (2008) ซึ่ง Penn รับบทเป็น Harvey Milk นักการเมืองเกย์คนแรกที่ได้รับเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของเขา นอกจากจะทำให้ Penn ได้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่สองแล้ว ยังเป็นภาพยนตร์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการนำเสนอเรื่องราวของผู้นำ LGBTQ+ ที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของชุมชน
อย่างไรก็ตาม Penn กล่าวว่าหลังจาก “Milk” เขารู้สึกว่าการทำงานในวงการภาพยนตร์เป็นเรื่องยากลำบากมากขึ้น “ผมทุกข์ทรมานอยู่กับกองถ่ายมาตลอด 15 ปี” เขากล่าว โดยอธิบายว่ารู้สึกเหมือนต้องฝืนทำงานและมักจะคิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะได้เลิกกอง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Penn พูดถึงการที่เขาไม่สามารถรับบทเป็นตัวละคร LGBTQ+ ได้อีกในปัจจุบัน เนื่องจากสังคมมีการถกเถียงเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ถึงเรื่องที่นักแสดงที่มีรสนิยมรักต่างเพศจะมารับบทเป็นตัวละครที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการบันเทิง
ในวงการบันเทิงไทย ประเด็นนี้ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะในซีรีส์วายที่มักมีนักแสดงที่เป็นคนรักต่างเพศมารับบทเป็นตัวละคร LGBTQ+ อย่างไรก็ตาม ก็มีความพยายามในการเปิดโอกาสให้นักแสดง LGBTQ+ มากขึ้นในช่วงหลัง
ตัวอย่างอื่นๆ ในฮอลลีวูดที่เผชิญกับประเด็นคล้ายกัน เช่น Scarlett Johansson ที่ถอนตัวจากการรับบทเป็นตัวละครข้ามเพศในภาพยนตร์เรื่อง “Rub & Tug” หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์
ท้ายที่สุด เรื่องราวของ Sean Penn และการเปลี่ยนแปลงในวงการภาพยนตร์ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างการสนับสนุนความหลากหลายและการรักษาเสรีภาพทางศิลปะ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องอาศัยการพูดคุยและทำความเข้าใจร่วมกันต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างวงการบันเทิงที่เป็นธรรมและสร้างสรรค์สำหรับทุกคน
ที่มา: Variety
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?