กรอบยุทธศาสตร์ใหม่ของการก้าวสู่ความเท่าเทียมและการคุ้มครองในงานด้านมนุษยธรรม

ในโลกที่เผชิญกับวิกฤตการณ์และภัยพิบัติที่ซับซ้อนมากขึ้น การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่มีประสิทธิภาพและเท่าเทียมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง องค์กรระหว่างประเทศชั้นนำ เช่น สหประชาชาติ (UN) องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การกาชาดสากล (ICRC) ได้ร่วมมือกันพัฒนากรอบยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับปี 2024-2027 เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่เพิ่มขึ้น อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรง ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในหลายภูมิภาค และผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19

กรอบยุทธศาสตร์นี้มุ่งเน้นสามประเด็นหลัก

  1. ความเท่าเทียมทางเพศ 
  2. การคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบ 
  3. การป้องกันการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศ 

โดยมีโครงการสำคัญสามโครงการที่สนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ ได้แก่ GenCap, ProCap และ PSEACap ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างระบบการช่วยเหลือที่ครอบคลุม เท่าเทียม และปลอดภัยยิ่งขึ้น

ว่าด้วย GenCap, ProCap และ PSEACap

GenCap (Gender Standby Capacity Project) เป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถและความเป็นผู้นำในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมพลังสตรีในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม GenCap ส่งที่ปรึกษาอาวุโสด้านเพศสภาพไปยังปฏิบัติการภาคสนาม ระดับภูมิภาค และระดับโลก เพื่อให้แน่ใจว่าประเด็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมพลังสตรีได้รับการพิจารณาในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม

ProCap (Protection Standby Capacity Project) ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 โดยมีภารกิจในการเสริมสร้างขีดความสามารถและความเป็นผู้นำระหว่างหน่วยงานเพื่อให้แน่ใจว่าการคุ้มครองเป็นศูนย์กลางของการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ProCap ส่งที่ปรึกษาอาวุโสด้านการคุ้มครองไปยังพื้นที่ปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมและทีมงานในประเทศในความพยายามที่จะให้ความสำคัญกับการคุ้มครองในระดับประเทศ

PSEACap (Inter-Agency PSEA Capacity Project) เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการป้องกันการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศ (PSEA) ในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม โครงการนี้ส่งผู้ประสานงาน PSEA ไปยังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมที่มีความเสี่ยงสูงสุด เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ PSEA ของประเทศและรักษาเครือข่าย PSEA

ทั้ง 3 โครงการนี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างระบบการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ครอบคลุม เท่าเทียม และปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถ การสนับสนุนด้านเทคนิค และการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดี โครงการเหล่านี้ช่วยให้ระบบมนุษยธรรมสามารถหาทางแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การพัฒนากรอบยุทธศาสตร์นี้ใช้เวลาสองปีและเกิดจากการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก รวมถึงผู้นำด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรพันธมิตร และผู้บริจาค นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการวางแผนและดำเนินการช่วยเหลือ เพื่อให้มั่นใจว่าการช่วยเหลือนั้นตรงกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ได้รับผลกระทบ

เพื่อวัดความสำเร็จของกรอบยุทธศาสตร์นี้ องค์กรที่เกี่ยวข้องได้พัฒนาตัวชี้วัดทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เช่น จำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ ระดับความพึงพอใจของผู้รับบริการ และอัตราการมีส่วนร่วมของชุมชนในโครงการต่างๆ กระบวนการติดตามและประเมินผลจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

อย่างไรก็ตาม การนำกรอบยุทธศาสตร์นี้ไปปฏิบัติย่อมมีความท้าทาย เช่น ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ความแตกต่างทางวัฒนธรรม และการเข้าถึงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ องค์กรต่างๆ จึงได้วางแผนรับมือโดยการระดมทุนจากแหล่งต่างๆ การฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเข้าใจในบริบทท้องถิ่น และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

กรอบยุทธศาสตร์นี้ยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการปรับปรุงการให้ความช่วยเหลือ เช่น การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในการคาดการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ การใช้โดรนในการส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ห่างไกล และการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือเพื่อให้ข้อมูลและรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบ

ตัวอย่างความสำเร็จของการนำกรอบยุทธศาสตร์นี้ไปใช้ เช่น 

ในประเทศซูดานใต้ โครงการ GenCap ได้ช่วยให้การจัดสรรอาหารและน้ำสะอาดคำนึงถึงความต้องการที่แตกต่างกันของหญิงและชาย ส่งผลให้อัตราการขาดสารอาหารในเด็กลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 

ในขณะที่ในประเทศเฮติ โครงการ ProCap ได้ช่วยพัฒนาระบบการรายงานและตอบสนองต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติได้รับการคุ้มครองมากขึ้น

กรอบยุทธศาสตร์นี้มุ่งหวังที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระบบการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก โดยการยกระดับคุณภาพชีวิตและปกป้องสิทธิของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ผ่านการสร้างระบบที่เท่าเทียม ปลอดภัย และเคารพในศักดิ์ศรีของทุกคน การดำเนินงานในช่วงปี 2024-2027 จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนางานด้านมนุษยธรรมให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ที่มาข้อมูล:

  1. 1 https://reliefweb.int/report/world/system-support-gender-equality-centrality-protection-and-protection-sexual-exploitation-and-abuse-humanitarian-action
  2. https://interagencystandingcommittee.org/procap-and-gencap-supporting-protection-and-gender-equality-humanitarian-response
  3. https://interagencystandingcommittee.org/iasc-champion-protection-sexual-exploitation-and-abuse-and-sexual-harassment/inter-agency-psea-capacity-project-pseacap

 

รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?

Loading spinner

แชร์บทความนี้

Tag

Related Stories

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง