ทำไมการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานต่อ LGBTQ+ ยังเป็นปัญหาใหญ่?

โลกการทำงานปัจจุบันอาจดูเหมือนมีความเท่าเทียมและยอมรับความหลากหลายมากขึ้น แต่ผลวิจัยล่าสุดจาก EduBirdie ชี้ว่าชุมชน LGBTQ+ ยังเผชิญการเลือกปฏิบัติอย่างมีนัยสำคัญในที่ทำงาน

การสำรวจผู้ที่ระบุตัวเองเป็น LGBTQ+ 2,000 คนพบว่า 63% เคยประสบการเลือกปฏิบัติในอาชีพ ตัวเลขนี้สูงกว่าการสำรวจในปี 2020 ที่พบว่ามีเพียง 55% ที่รายงานประสบการณ์เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าแม้มีความพยายามสร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม แต่นายจ้างยังต้องทำงานหนักขึ้นอีกมาก

ที่น่าวิตก 1 ใน 5 ของคน LGBTQ+ เลือกไม่รายงานเหตุการณ์เลือกปฏิบัติในที่ทำงาน สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะ 15% ของกรณีที่รายงานไม่ได้รับการแก้ไขจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือผู้จัดการ สถานการณ์นี้บ่งบอกถึงความไม่ไว้วางใจในระบบและความกลัวผลกระทบทางลบ เมื่อเทียบกับพนักงานทั่วไป พบว่าอัตราการรายงานการเลือกปฏิบัติของพนักงาน LGBTQ+ ต่ำกว่าถึง 30%

ผลกระทบของการเลือกปฏิบัตินั้นรุนแรง…… 44% ของคนทำงาน LGBTQ+ เคยลาออกเพราะถูกเลือกปฏิบัติหรือขาดการยอมรับ ขณะที่ 45% เคยถูกมองข้ามในการเลื่อนตำแหน่ง นอกจากนี้ เกือบครึ่งหนึ่งของคน LGBTQ+ ประสบอาการ “impostor syndrome” หรือความรู้สึกไม่มั่นใจในความสามารถตนเอง โดยกลัวถูกมองว่าเป็น “การจ้างงานเพื่อความหลากหลาย” เท่านั้น

การปกปิดตัวตนกลายเป็นกลยุทธ์อยู่รอดสำหรับหลายคน 45% หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมองค์กรเพราะรู้สึกไม่สบายใจ และครึ่งหนึ่งถึงกับเปลี่ยนลักษณะภายนอกเพื่อกลมกลืนกับคนอื่น 

Avery Morgan ผู้เชี่ยวชาญจาก EduBirdie ชี้ว่าแม้มีความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนของ LGBTQ+ การตีตราทางสังคมยังคงมีอยู่ โดย 70% ของคน LGBTQ+ รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่ได้รับความเข้าใจ หรือถูกกีดกันในที่ทำงาน

Dr. Jenna Brownfield นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดสำหรับ LGBTQ+ อธิบายว่าการเมืองในที่ทำงานส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเป็นที่ชื่นชอบของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน ทำให้พนักงาน LGBTQ+ ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการเปิดเผยตัวตนกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ความก้าวหน้าในอาชีพ และความมั่นคงในงาน

อย่างไรก็ตาม มีองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ บริษัท Tech Innovators Inc. เป็นตัวอย่างที่ดี โดยได้รับรางวัล “Best Workplace for LGBTQ+ Equality” ติดต่อกัน 3 ปี พวกเขาใช้นโยบายการฝึกอบรมความหลากหลายที่ครอบคลุม มีกลุ่มสนับสนุน LGBTQ+ ภายในองค์กร และให้สวัสดิการที่เท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน

Sarah Johnson ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Tech Innovators Inc. กล่าวว่า “การสร้างวัฒนธรรมที่ครอบคลุมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งที่คุ้มค่า เราเห็นการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์อย่างชัดเจนเมื่อพนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะเป็นตัวของตัวเอง”

ในแง่ของกฎหมาย หลายประเทศได้ออกกฎหมายคุ้มครองสิทธิของ LGBTQ+ ในที่ทำงาน เช่น พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ของไทย ที่ห้ามการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ รวมถึงอัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศ อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายยังคงเป็นความท้าทาย

แนวโน้มในอนาคตคาดว่าจะมีการผลักดันนโยบายที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายและการยอมรับ องค์กรที่ไม่ปรับตัวอาจเสียเปรียบในการแข่งขันเพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ

การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตรสำหรับทุกคนเป็นเรื่องของการสร้างวัฒนธรรมที่เคารพและให้คุณค่ากับความหลากหลาย องค์กรต้องมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เมื่อทุกคนรู้สึกปลอดภัยที่จะเป็นตัวของตัวเองในที่ทำงาน นั่นคือเมื่อเราจะได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขา และองค์กรจะได้รับประโยชน์จากพลังแห่งความหลากหลายอย่างเต็มที่

ในฐานะผู้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศหรือไม่  เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนนโยบายที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ ในที่ทำงานของตน การเป็นพันธมิตรที่ดี หรือการรายงานพฤติกรรมการเลือกปฏิบัติที่พบเห็น การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเราทุกคนสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้

ที่มาของข้อมูล:

  1. https://qnotescarolinas.com/five-lgbtq-candidates-vying-for-sc-elections/
  2. https://www.amnesty.org/en/latest/news/2024/06/thailand-passing-of-marriage-equality-bill-a-triumphant-moment-for-lgbti-rights/
  3. https://edubirdie.com/blog/lgbtq-discrimination-in-the-workplace

 

รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?

Loading spinner

แชร์บทความนี้

Tag

Related Stories

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง