1. พระเจ้าวิลเลียมที่ 2 (วิลเลียม รูฟัส)

พระเจ้าวิลเลียมที่สอง ครองราชย์ในช่วงปี 1087 ถึง 1100 เป็นพระโอรสองค์ที่ 3 และเป็นรัชทายาทแต่งตั้งของกษัตริย์วิลเลียมผู้พิชิต สมญา “รูฟัส” ของพระองค์มาจาก Rufus ในภาษาละตินแปลว่า “ผมสีแดง” พระองค์ไม่เคยอภิเษกและไม่มีบุตร-ธิดาเลยสักคน ข้อสังเกตนี้นำไปสู่การตั้งสันนิษฐานว่าพระองค์เป็นเกย์ 

อ๊ะ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งหาว่านักประวัติศาสตร์สรุปกันเอาเองง่าย ๆ ข้อมูลที่ช่วยส่งเสริมข้อสังเกตนี้ก็คือ พระองค์แต่งตั้งรูนอล์ฟ แฟลมบาร์ด ที่ปรึกษาคนสนิทให้เป็นบิชอปแห่งเดอแรม ซึ่งถือเป็นเรื่องหายากสำหรับยุคนั้น รวมไปถึงการที่พระองค์ชื่นชอบการสังสรรค์กับคนหนุ่มรูปงามอยู่บ่อยครั้งด้วย ในบันทึกของเว็บไซต์ Historic UK ระบุว่าความสนใจทางเพศของประองค์นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัด

นอกจากนี้พระองค์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคริสตจักรคาธอลิก แม้ว่าอังกฤษในตอนนั้นยังเป็นรัฐสำคัญที่ถือนิกายคาธอลิก 

กษัติรย์วิลเลียม รูฟัส สวรรคตเนื่องจากถูกธนูยิงที่หลังหัวขณะออกล่าสัตว์ เหตุการณ์นี้อาจถูกมองว่าเป็นอุบัติเหตุได้ แต่ก็ยังมีข้อสงสัย เนื่องจากเจ้าชายเฮนรี่ น้องชายของพระองค์สืบตำแหน่งขึ้นเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่ 1 แห่งราชวงศ์นอร์มันต่อในแทบจะทันที

2. พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 (ริชาร์ดใจสิงห์)

 พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ หรือที่ผู้คนรู้จักกันดีในนาม ริชาร์ดใจสิงห์ คือกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงสงครามครูเสดครั้งที่ 3 นอกจากชื่อเสียงในฐานะกษัตริย์ผู้เปี่ยมไหวพริบทางการเมือง (ครองราชย์ในปี 1189-1199) และยอดนักรบที่โหดจนศัตรูต้องศัตรูต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อแล้ว ความสนิทสนมของพระองค์กับพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศสยังเป็นที่รำลือ บันทึกจำนวนหนึ่งระบุถึงขั้นว่าพันธมิตรของอังกฤษกับฝรั่งเศสในตอนนั้นแนบแน่นได้เพราะทั้งสองพระองค์นอนร่วมเตียงกัน แถมตอนที่ทั้งสองผิดใจกันก็ยังมีบันทึกไว้อีกว่า “เป็นเหมือนการทะเลาะแง่งอนของคู่รัก” ที่ออกจะใหญ่โตไปสักหน่อย 

นอกจากนี้ริชาร์ดใจสิงห์ยังเคยถูกลงโทษในที่สาธารณะด้วยกฎหมายประเวณีวิตถาร (Sodomy law) แต่เรื่องนี้นักประวัติศาสตร์ก็ยังมีความเห็นที่แย้งกันอยู่ เพราะ “ประเวณีวิตถาร” ในยุคนั้น ยังนับรวมการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีประสงค์จะทำให้มีลูกถือกำเนิดมาด้วย 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ว่ามานี้ก็แข็งแรงพอที่หนังเรื่อง The Lion of Winter (1986) ซึ่งมีเซอร์แอนโธนี ฮอปส์กิน มารับบทเป็นริชาร์ดใจสิงห์ เลือกจะถ่ายทอดท่าทีของกษัตริย์ผู้นี้ให้ให้ดูมีกลิ่นอายแบบเควียร์อย่างชัดเจน

3. พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2

นักประวัติศาสตร์จำนวนมากลงความเห็นกันว่า พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 (ครองราชย์ 1307-1327) นั้น เป็นเกย์หรือไม่ก็ไบเซ็กชวลอย่างแน่นอน พระองค์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดจนเป็นที่กล่าวขวัญกันเป็นวงกว้างว่าเป็นสัมพันธ์เชิงชู้กับ เพียร์ส กาเวสตัน เอิร์ลแห่งคอร์นวอลที่พระองค์แต่งตั้งขึ้น จากนั้นพระองค์บาดก็หมางกับชนชั้นสูงของอังกฤษหลายคนที่เป็นเหตุให้กาเวสตันถูกประหารในปี 1312

ความบาดหมางนี้เองเป็นเหตุให้พระองค์ถูกคุมขังและกำจัดให้พ้นทางด้วยการจำคุก เพื่อแต่งตั้งโอรสของพระองค์ขึ้นเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ในปี 1327 ข้อสรุปจากหลักฐานเดิมเชื่อว่าพระองค์ทุกสังหารในตอนนั้น แต่ก็มีหลักฐานใหม่ให้นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าการสิ้นพระชนม์ถูกจัดฉากขึ้นและพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อมาอีกถึง 3 ปี

นอกจากนี้ ในหนังเรื่อง Edward II ของเดเร็ก จาร์แมน ซึ่งดัดแปลงมาจากบทละครในปี 1991 เลือกนำเสนอตัวละครพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ผ่านนักแสดงคริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ให้ออกมาดูเป็นเกย์อย่างชัดเจนอีกด้วย  

4. พระเจ้าเจมส์ที่ 1

ชาวคริสเตียนที่ถือลัทธิมูลฐานนิยมมักจะยกให้คัมภีร์ไบเบิลฉบับพระเจ้าเจมส์ถือเป้นฉบับปรับปรุงที่เชื่อถือได้ที่สุด ทว่าพวกเขาอาจจะไม่เคยคำนึงถึงเรื่องที่ว่า คัมภีร์ฉบับนี้จัดทำและตรวจตราโดยชายที่น่าจะเป็นเกย์หรือไบเซ็กชวล

พระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์เจมส์ที่ 4 สกอตแลนด์ต่อจากพระมารดา พระราชินีแมรี่แห่งสกอตแลนด์ ตั้งแต่อายุได้ 1 ขวบ (แน่นอนว่ามีผู้สำเร็จราชการแทน) ก่อนที่จะเติบใหญ่ขึ้นมาและเป็นพระเจ้าเจมส์ที่หนึ่งแห่งอังกฤษด้วยการเข้าเป็นพันธมิตรกันในปี 1603 หลังการสิ้นพระชนม์ของราชินีเอลิซาเบธที่ 1 

แม้ว่าจะองค์จะสมรสและมีบุตรธิดาหลายคน แต่หลักฐานบางส่วนก็ชี้ว่าพระองค์มีชู้รักเป็นผู้ชายหลายคน รวมไปถึงจอร์จ วิลลิเยร์ ดยุคแห่งบัคกิงแฮม ทั้งสองเคยแสดงความรักใคร่ต่อกันในที่สาธารณะ ทั้งยังมีทางลับเชื่อมห้องบรรทมไว้ด้วยกันอีกด้วย  

5. พระราชินีแอนน์

ราชินีแอนน์ ครองราชย์ตั้งแต่ปี 1702 ถึง 1714 พระองค์เป็นที่รู้จักในวงกว้างผ่านบทบาทชิงรางวัลออสการ์ของโอลิเวีย โคลแมน ในหนังเรื่อง The Favourite (2018) ซึ่งนำเสนอความสัมพันธ์โรแมนติกของพระองค์กับซาราห์ เชอร์ชิล ดัชเชสแห่งมาร์ลโบโร และอะบิเกล มาแชม ญาติของซาราห์ 

แม้ว่าตัวภาพยนตร์เติมรายละเอียดบางอย่างเข้ามา แต่ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพระราชินีทรงมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงทั้งสองคนนี้อย่างมากจริง ๆ พระองค์อภเษกสมรสกับเจ้าชายจอร์จแห่งเดนมาร์กและตั้งครรภ์ถึง 18 ครั้ง แต่ไม่อาจมีบุตธิดาได้เลยสักครั้งเดียว ส่วนในรัชสมัยของพระองค์ก็มีปัญหาใหญ่มากมาย ทั้งสงครามในโพ้นทะเล การขับเคี่ยวกันทางการเมือง และสุขภาพที่ย่ำแย่ของพระองค์ แต่ก็ยังครองราชย์มาได้ถึง 12 ปี

6. เจ้าชายจอร์จ ดยุคแห่งเคนต์

เจ้าชายจอร์จเป็นหนึ่งในบุตร 5 คนของพระเจ้าจอร์จที่ 5 มีพี่น้องที่โด่งดังมาก 2 คนก็คือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ผู้สละบัลลังก์ไปแต่งงานกับคู่หมั้นชาวอเมริกัน และเจ้าชายอัลเบิร์ต ผู้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจอร์จที่ 6 ในช่วงสงครามโลกครั้ง 2 (หรือที่คุณอาจจะคุ้นกันจากหนัง The King’s Speech) 

เจ้าชายจอร์จ มีศักดิ์เป็นอาของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 พระองค์มีสัมพันธ์รักกับทั้งหญิงและชาย มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้นำแฟชั่นและเป็นที่รักในแวดวงสังคมชั้นสูง พระองค์เป็นสมาชิกราชวงศ์คนแรกที่ทำงานเป้นข้าราชการ จากนั้นก็เข้าร่วมกองทัพอากาศในช่วงสงครามโลก ทว่าโชคไม่ดีที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าแอบให้ความช่วยเหลือเยอรมัน บทความหนึ่งใน The Rake เผยข้อมูลว่าเป็นไปได้ที่พระองค์จะบินไปยังประเทศข้าศึกเพื่อเจรจาสันติภาพ ในขณะที่เครื่องบินของพระองค์ถูกยิงตก แต่ก็มีอีกข้อมูลที่ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดว่านายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิลจะเป็นผู้ออกคำสั่งให้ยิงเครื่องบินลำนั้น

7. ลอร์ดไอวาร์ เมาท์แบตเทน และเจมส์ คอยล์

ลอร์ดไอวาร์ เมาท์แบตเทน มีความสัมพันธ์เป็นญาติผู้น้องของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 หลังจากหย่ากับภรรยาได้ 5 ปี เขาก็เปิดตัวว่าเป็นเกย์ และจากนั้นอีก 2 ปีก็ประกาศแต่งงานกับเจมส์คอยล์ ถือเป็นคู่สมรสเพศเดียวกันคู่แรกของเครือราชวงศ์อังกฤษ ทั้งสองมีชีวิตอย่างสงบสุขในบ้านหลังใหญ่ที่บริดจ์เวล ซึ่งเปิดให้เช่าเป็นสถานที่จัดงานแต่งและอีเวนต์ของคนรักเพศเดียวกันอีกด้วย

 

รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?