สิ่งที่น่าจดจำอีกประการของมิสทีค (หรือชื่อเดิมคือเรเวน) คือเธอเป็นตัวละครประเภทที่เรียกว่า renegade หรือคนจำพวกที่ย้ายฝักฝ่ายไปมาเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งก็สอดคล้องกับพลังในการแปลงรูปลักษณ์ (shapeshifting) ของเธอเป็นอย่างดี
แรกเริ่มเดิมที “เรเวน” เป็นเพียงเด็กกำพร้าผู้หวาดกลัวที่หลบมาหาที่ปลอดภัยในคฤหาสน์ตระกูลเซเวียร์การพบพานกับชาร์ล เด็กชายใจดีเจ้าของบ้าน ผู้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์สายพลังจิต ทำให้เธอยอมรับน้ำจิตน้ำใจในตัวผู้คนและเชื่อว่ามิวแทนต์สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ทั่วไปได้ ภายใต้เงื่อนไขสำคัญที่ว่า มิวแทนต์จะต้องทำให้พวกมนุษย์ยอมรับและเชื่อใจ ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากเธอยังอยู่ในร่างตัวประหลาดสีน้ำเงิน
ความเชื่อของเรเวนถูกสั่นคลอนเมื่อเธอได้พบกับอีริค แม็กซิมอฟ มนุษย์แม่เหล็กที่เคยถูกกองทัพเยอรมันพรากตัวจากครอบครัวไปทำการทดลอง เขาเสนอความคิดใหม่ให้เธอว่าปฏิกริยาที่พวก “โฮโมเซเปียนส์” มีต่อ “โฮโม ซูพีเรียร์” คือความริษยาและความหวาดกลัวต่อผู้มีอำนาจเหนือกว่า อีริกบอกว่าร่างสีน้ำเงินของเรเวนสง่างามกว่าเปลือกที่เธอห่มเพื่อให้พวกเซเปียนส์รักเป็นไหน ๆ นั่นถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าใจการ “รักตัวเอง” ซึ่งเป็นแนวคิดและแรงขับสำคัญของจอมแปลงกายผู้นี้
“Mutant and proud” มันไม่ใช่ความแปลกประหลาด มันคือสิ่งที่เธอเป็น ตัวตนของมิสทีคถือกำเนิดขึ้นเมื่อเธอโอบรับมันเอาไว้
ยากจะตัดสินได้ว่าการกระทำใดถูกผิด เมื่อมนุษย์ทั้งในจอและนอกจอต่างปฏิบัติต่อผู้คนที่ผิดแผกแตกต่างด้วยความรุนแรงและมองด้วยสายตาระแวงสงสัย แต่เส้นทางความรุนแรงของกลุ่มภาราดรมนุษย์กลายพันธุ์ที่มิสทีคได้เลือกเดินก็ไม่ได้พิสูจน์ว่ามิวแทนต์จะดีไปกว่าพวกเซเปียนส์สักเท่าไร ความจริงก็คือ แม้รูปร่างและฝักฝ่ายของมิสทีคจะปรับไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยสั่นคลอนเลยคือความรัก ความเข้าใจที่เธอมีต่อตัวเอง เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอเป็นที่จดจำ ในฐานะตัวละครที่มั่นคงในตัวเองที่สุด บนจักรวาลการ์ตูนและหนังที่ว่าด้วยเรื่องการเบียดขับผู้คนคนที่ผิดแผกแตกต่างออกไปอย่างโหดร้าย
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?