ตัวอย่างเช่นคำตอบของผู้เข้าประกวดจากประเทศไทย แอนโทเนีย โพซิ้ว เมื่อถามว่า ถ้าหากสามารถใช้ชีวิต 1 ปี โดยเป็นผู้หญิงคนไหนก็ได้หนึ่งคนจะเลือกเป็นใคร แอนโทเนีย โพซิ้ว ตอบว่า เธออยากเป็น Malala Yousafzai เพราะเธอรู้ถึงความยากลำบากในสิ่งที่เธอต้องเผชิญกว่าจะมาเป็นเธอในวันนี้ “เธอ (Malala) ต้องต่อสู้กับประเด็นการศึกษาของผู้หญิงและต่อสู้เพื่อผู้หญิงทุกคนให้ยืนหยัดแข็งแกร่งเพื่อเปลี่ยนแปลงและเป็นผู้นำตัวอย่างได้ ถ้าหากฉันจะเลือกใครสักคนก็คงเป็นเธอ” แอนโทเนีย โพซิ้วตอบ
Malala Yousafzai เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน โดยเธอต่อสู้เพื่อสิทธิทางการศึกษาของผู้หญิงและเด็กในปากีสถานที่ปกครองโดยรัฐบาลตาลีบันที่สั่งห้ามเด็กผู้หญิงเข้าเรียน เธอได้รับรางวัลโนเบลไพรซ์ในปี 2014 และเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลนี้
ด้านผู้ชนะเลิศอันดับ 1 เซย์นิส ปาลาซิโอส จากประเทศนิคารากัว เมื่อถามคำถามเดียวกันเธอตอบว่าเธออยากเป็น แมรี่ โวลสโตนคราฟต์ (Mary Wollstonecraft) เธอบอกว่า “ฉันจะเลือกเป็นแมรี่ โวลสโตนคราฟต์เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เปิดโลกของสิทธิสตรี” “ฉันอยากจะทำให้ความต่างของค่าจ้างระหว่างหญิงและชายลดลงเพื่อให้ผู้หญิงได้ทำงานในทุกที่ที่พวกเธออยากทำเพราะจะไม่มีขีดจำกัดสำหรับผู้หญิง”
รู้จักแมรี่ โวลสโตนคราฟต์
แมรี่ โวลสโตนคราฟต์ เป็นชื่อที่คนอาจจะไม่ค่อยรู้จักมากนัก (แม้แต่คนแปลภาษาบนเวทีมิสยูนิเวิร์สก็น่าจะไม่รู้จัก จึงเรียกชื่อผิด) แต่จริงๆ แล้วเธอมีบทบาทสำคัญมากในการริเริ่มแนวคิดสตรีนิยมหรือเฟมินิสต์ในปัจจุบัน
แมรี่ โวลสโตนคราฟต์เป็นนักเขียน นักปรัชญา และนักรณรงค์ด้านสิทธิสตรี คนแรกๆของโลก เกิดเมื่อปี 1759 ที่ประเทศอังกฤษ เธอเขียนนิยาย, ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปฏิวัติฝรั่งเศส, หนังสือเด็ก แต่ที่โด่งดังที่สุดคือหนังสือเรื่อง A Vindication of the Rights of Woman (1792) ว่าด้วยสิทธิสตรี โดยเธอบอกว่า ผู้หญิงไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของผู้ชายโดยธรรมชาติ แต่ที่พวกเธอเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าขาดการศึกษา ผู้หญิงและผู้ชายควรได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นเหตุเป็นผล ระเบียบวินัยทางสังคมจะต้องอยู่ภายใต้เหตุและผล
งานของแมรี่ โวลสโตนคราฟต์ ถือเป็นงานเขียนสตรีนิยมชิ้นแรกๆ ของโลก และกลายเป็นต้นกำเนิดของแนวคิดเฟมินิสต์ในปัจจุบัน
ว่าด้วย Gender Gap
ในอีกส่วนคำตอบของ ปาลาซิโอสนั้นคือเรื่องของ Gender Gap หรือความต่างของค่าจ้างระหว่างหญิงและชาย จากรายงานของ UNWOMAN ระบุว่า ในทุก 1 ดอลลาร์ที่ผู้ชายได้รับจากรายได้ค่าจ้าง ผู้หญิงมีรายได้เพียง 51 เซนต์ และมีเพียง 10.4% ของผู้บริหารระดับสูงในบริษัทชั้นนำของโลกที่เป็นผู้หญิง
ในกลุ่มประเทศยุโรปเองก็พบว่าความต่างของค่าจ้างระหว่างชายและหญิงอยู่ที่ 13% โดยทุก 1 ยูโรที่ผู้ชายได้รับ ผู้หญิงจะได้อยู่ที่ 87 เซนต์ โดยสหภาพยุโรปก็ได้ตั้งหน่วยงานเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสสำหรับค่าจ้างเพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติและเร่งลดช่องว่างค่าแรงนี้ให้เหลือน้อยลงและในที่สุดจะเกิดความเท่าเทียมได้
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?
