10 ผลงานหนัง A24 ที่เราอยากให้คุณได้ดู

จากผู้จัดจำหน่ายหนังนอกกระแสเล็ก ๆ ในนิวยอร์กที่น่าจับตามองในปี 2013 สู่สตูดิโอที่ผลิตหนังและซีรีส์น่าจับตาในยุคนี้ นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา A24 มีส่วนร่วมในการผลิตภาพยนตร์ที่น่าสนใจมากมายหลายเรื่อง และนี่คือหนัง 10 ที่พวกเราทีมงาน Genderation อยากให้คุณได้ลองดูสักครั้ง

1. Everything Everywhere All at Once

หนังเซอร์ไพรส์ฮิตแห่งปี 2022 ที่ส่งให้คู่หูผู้กำกับ The Daniels ได้เฉิดฉายบนเวทีรางวัลทั่วโลก เสริมแรงด้วยการกลับมาอย่างสง่างามของนักแสดงเอเชียอย่าง Micelle Yeoh และ Ke Huy Quan ที่วาดลวดลายบนจอได้อย่างน่าประทับใจ

Everything Everywhere All at Once เล่าเรื่องราวของ Evelyn หญิงเอเชียเจ้าของร้านซักรีดวัยกลางคน ผู้ต้องรับมือกับเรื่องน่าปวดหัวจากทุกทิศทุกทางที่สาดประดังเข้ามาในคราวเดียวกัน แค่นั้นยังวุ่นไม่พอ พหุจักรวาลยังต้องหวังพึ่งเธอให้หยุดยั้งโคตรวายร้ายข้ามมิติอีกต่างหาก

หนังเรื่องนี้โดดเด่นเรื่องการผสานเรื่องเล่าไซไฟ มุกตลกเหนือความคาดหมาย เข้ากับการต่อสู้เพื่อหาความหมายในชีวิตของผู้หญิงเอเชียที่ถูกเรียกร้องให้เป็นทั้งลูก แม่ และเมียที่น่าภาคภูมิ เป็นการสดุดีแด่สตรียอดนักสู้ บรรดาคนตัวเล็ก ๆ ทั้งหายผู้รับมือกับสารพัดสิ่งในชีวิตประจำวันที่มักถูกมองข้ามได้อย่างไม่มีใครเหมือน

2. After Yang

หากความทรงจำเป็นสิ่งที่ใช้นิยามความหมายของชีวิตของแต่ละคน เราจะถือว่าหุ่นยนต์ที่เก็บความทรงจำเอาไว้ตลอดกาลใช้งานเป็นมนุษยได้หรือเปล่า นี่คือโจทย์ของ After Yang หนังที่เล่าเรื่องการสำรวจความทรงจำของหุ่นยนต์ตัวสำคัญของครอบครัวที่อยู่ ๆ มันก็ดับไปเฉย ๆ ในเช้าวันธรรมดาวันหนึ่ง

เรื่องราวของหยาง หุ่นเทคโนซาเปียนส์ที่ดับไปเฉย ๆ ถูกเล่าผ่านการเดินทางของเจค เจ้าของหุ่นที่ต้องตระเวนหาสารพัดวิธีเพื่อจะซ่อมหุ่นผู้เป็นดั่งสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวโดยที่ไม่ทำให้หน่วยความจำภายในเสียหาย เป็นเหตุให้เขาได้มีโอกาสสำรวจความหมายของความทรงจำและจิตวิญญาณที่ไหลเวียนอยู่ในหัวใจไร้เลือดดวงนี้

สิ่งที่สนุกไม่แพ้การสำรวจความซับซ้อนของสิ่งที่เรียกว่าความทรงจำ คือฉากทัศน์ของโลกอนาคตที่ครอบครัวผสมหลายเชื้อชาติดูเป็นเรื่องปกติ ดนตรีประกอบแสนเศร้าแต่ไม่ฟูมฟายของ Aska Matsuyama และการนำเสนอห้วงความทรงจำสั้น ๆ แบบ Story หรือ Reel ในแอปโซเชียลมีเดีย

3. Midsommar 

ทริปเที่ยวชมวัฒนธรรมหมู่บ้านที่สวีเดนอาจเป็นการพักใจที่ดีสำหรับคนที่เพิ่งเจอเหตุสูญเสียสุดสะเทือนใจอย่างดานี หากว่ามันไม่ใช่ทริปเตรียมบอกเลิกสำหรับแฟนหนุ่มที่หมดใจ และหมู่บ้านที่มาเที่ยวเขาจัดงานฉลองกลางฤดูร้อนใส ๆ กันตามธรรมดา

Ari Aster เล่าว่าเขาพัฒนาบทหนังเรื่องนี้ขึ้นมาหลังจากเหตุเลิกรากับแฟน ผลลัพธ์ที่ได้คือหนังสยองขวัญที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส บรรยากาศชวนไม่ไว้วางใจกลางแสงแดดกลายเป็นประสบการณ์รับชมภาพยนตร์ที่ยากจะลืมเลือน ความร้ายกาจของ Midsommar คือการแสดงสภาพของจิตใจที่ดิ้นรนหาที่พึ่งพิง จนค่อย ๆ พังทลายลงไปเมื่อถึงจุดวิกฤต ผ่านพิธีกรรมที่เปลี่ยนคนบาดเจ็บอย่างดานี ให้กลายเป็นสิ่งที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงในท้ายที่สุด   

4. The Tragedy of Macbeth

ผลงานเดี่ยวของ Joel Coen หนึ่งในสองพี่น้อง Coen เจ้าของผลงานอย่าง Fargo, No Country For Old Men และ Inside Llewyn Davis ครั้งนี้เขาหยิบเอาวรรณกรรมคลาสสิกของ William Shakespeare มาดัดแปลงให้เป็นหนังขาวดำความยาว 105 นาที 

ด้วยรายละเอียดเหนือจริง เทคนิคการเล่นแสงเงาที่ยอดเยี่ยมบวกเข้ากับการตีความใหม่อันเป็นความถนัดฌแพาะตัวที่โคเอนทำได้ดีเสมอมา ทำให้โศกนาฏกรรมของแม็กเบธฉบับนี้โดดเด่นไม่แพ้การดัดแปลงครั้งไหน ๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าโคเอนยังคงเป็นนักดัดแปลงที่มีฝีมือทางภาพยนตร์ในแบบที่ยากจะหาใครมาแทน

5. Uncut Gems

หากคุณไม่เคยดูภาพยนตร์ของ Safdie Brothers หนังเรื่องนี้ก็ถือเป็นจุดออกสตาร์ตที่ไม่เลว สไตล์หนังของพี่น้องคู่นี้คือรูปธรรมของคำว่า “โกลาหล” ตัวละครมักจะเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปอีกจุดตลอดเวลา บทสนทนาที่ดูวุ่นวายสมจริงช่วยเสริมแรงให้ทุกก้าวผ่านไปสะสมความระทึกให้หนักหนาขึ้นเรื่อย ๆ

Uncut Gems เล่าเรื่องของฮาวเวิร์ด พ่อค้าอัญมณีแห่งนิวยอร์กผู้ต้องหาเงินแข่งกับเวลา เพื่อเอาตัวรอดจากคนทวงหนี้ที่กำลังฉุนจัด ตลอดเวลาที่หนังดำเนินไป เราจะได้เห็นแรงกระตุ้นภายในของคนอยู่ไม่สุขอย่างฮาวเวิร์ดค่อย ๆ เผยตัวออกมาทีละน้อย เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมผู้ชายที่ดูเหมือนจะมีชีวิตดีอยู่แล้วถึงได้สรรหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวไม่หยุดหย่อน  

6. The Lighthouse

หลังจากที่ A24 จัดจำหน่าย The Witch หนังเดบิวต์สุดหลอนของ Robert Eggers ไป ผลงานของเขาก็ถือว่าเข้าตากรรมการจน A24 ต้องมาดูแลงานสร้างหนังเรื่องถัดมาที่ก็หลอนไม่แพ้กันให้กับเขา และนี่คือผลงานที่ยกระดับความบ้าคลั่งขึ้นไปอีกจากคราวก่อน การที่ The Lighthouse ขึ้นสู่ทำเนียบหนังแห่งปี 2019 ของสื่อหลายสำนักเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเอกเกอร์ส เขาเป็นคนมีของจริง ๆ

ตัวหนังเล่าเรื่องของคนเฝ้าประภาคารสองคนที่จวนเจียนจะสติแตกเต็มที หลังจากที่ต้องมาติดอยู่ด้วยกันท่ามกลางพายุ บรรยากาศชวนไม่ไว้วางใจบวกกับสารพัดเหตุการณ์ที่ชวนตั้งคำถามว่าอะไรเรื่องจริงอะไรเป็นเพียงความเพ้อพก ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่อันจำกัดกลายเป็นรถไฟเหาะทางอารมณ์ที่ยากจะลืม

นอกจากนี้ยังต้องยกเครดิตให้การแสดงแบบทุ่มสุดตัว Willem Dafoe กับ Robert Pattinson ที่ทำให้ตัวละคร Thomas ทั้งสองคนติดอยู่ในความทรงจำของคนดูไปอีกนาน 

7. Causeway

แม้ว่า Jennifer Lawrence จะมีผลงานการแสดงออกมาให้เราเห็นเรื่อย ๆ แต่ Causeway ก็เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ชวนรู้สึกได้ว่า “เขากลับมาแล้ว” หลังจากที่ไปโลดแล่นอยู่ในหนังฟอร์มยักษ์ กับผู้กำกับเบอร์ใหญ่อยู่นาน ในที่สุดก็ได้เห็นเจน ลอว์ได้แสดงฝีมือแบบน้อยแต่มาก อย่างที่เคยทำตอนแจ้งเกิดกับ Winter’s Bone

Causeway เล่าเรื่องของลินซีย์ ทหารหญิงที่ปลดประจำการเพราะบาดเจ็บจากแนวหน้าจนสมองกระทบกระเทือนอย่างหนัก ระหว่างรอบรรจุกลับเข้ากองทัพ เธอจำต้องกลับไปอยู่ที่บ้านกับแม่เป็นการชั่วคราว ทำให้ได้พบกับเจมส์ ช่างซ่อมรถยนต์ขาขาดที่ผูกมิตรกันได้อย่างเร็วจนน่าตกใจ และความสัมพันธ์นี้เองที่ทำให้ลินซีย์ต้องกลับไปทบทวน ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เธอยินดีไปเจอระเบิดในสงครามมากกว่าอยู่ที่บ้านกับครอบครัว

นอกจากการแสดงสุดเฉียบของเจน ลอว์ คนที่น่าจับตามองไม่แพ้กันก็คือ Brian Tyree Henry ในบทเจมส์ เคมีที่เข้ากันอย่างมหัศจรรย์ของทั้งสองคนทำให้เรารู้สึกถึงเลือดเนื้อของตัวละครหลักทั้งสอง ชวนให้รู้สึกว่ามิตรภาพของพวกเขาพิเศษเกินกว่าจะเป็นความสัมพันธ์โรแมนติกชายหญิงทั่วไป

8. The Green Knight

คืนหนึ่ง ณ ปราสาทคาเมล็อต ขณะที่บรรดาอัศวินเฉลิมฉลองคืนวันคริสต์มาสด้วยสุราและเรื่องราวความกล้าหาญของตนเอง อสูรกายตนหนึ่งขี่ม้าเข้ามาในโถงปราสาทแล้วประกาศว่าตนคืออัศวินมรกต มันท้าให้อัศวินหน้าไหนก็ได้บนโต๊ะกลมบั่นหัวมันให้หลุดจากป่า แล้วเดินทางไปให้มันฟันคืนในปีหน้า ผู้รับคำท้าคือเซอร์กาเวน หลานชายไม่เอาไหนของกษัตริย์อาเธอร์ อัศวินคนเดียวที่ไม่มีวีรกรรมมาแบ่งปันให้ใครฟัง ทันทีที่เขาลงขวาน การเดินทางเพื่อพิสูจน์ความเปHนลูกผู้ชายของเขาก็เริ่มต้น

ผลงานการกำกับของ David Lowery ชิ้นนี้เป็นการหยิบเอาเรื่องเล่าสุดคลาสสิกในตำนานอาเธอเรียนมาตีความใหม่ที่คมคายเอาการ เขาทำให้การเดินทางพิสูจน์ความกล้าหาญของเซอร์กาเวน กลายเป็นการเผชิญหน้ากับสิ่งที่วีรบุรุษทั้งหลายไม่กล้าแม้กระทั่งจะยอมรับว่ามันมีอยู่ นั่นคือความขลาดกลัว ตลอดการเดินทางเข้าสู่คมขวานของอัศวินมรกตเองก็เจือด้วยความสวยงามเหนือจริงของทิวทัศน์ที่มีอยู่จริงบนโลก ชวนให้นึกถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่โอบล้อมตำนานอันเล็กจ้อยของมนุษย์คนหนึ่งเอาไว้ 

9. Moonlight

ผลงานเปิดตัว A24 ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง และเป็นหนังสตูดิโอเรื่องแรกของ Barry Jenkins ซึ่งมีพลังมากพอที่จะเข้าชิงออสการ์ปี 2017 ถึง 8 สาขา และเอาชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาได้ในปีที่มีเพื่อนร่วมเวทีอย่าง La La Land, Manchester By The Sea และ Arrival

Moonlight เป็นเรื่องราวสามช่วงวัยของไชรอน คนดำในย่านเสื่อมโทรมที่โตมากับแม่ที่ติดยา เขาพยายามเติบโตมาเป็นคนที่ดีที่สุดภายใต้สภาพแวดล้อมอันบิดเบี้ยว ที่พึ่งทางใจของเขามีเพียงเพื่อนรุ่นเดียวกันชื่อเควินกับฮวนที่เป็นพ่อค้ายาในละแวกบ้าน แต่ละตอนของหนังแสดงให้เห็นจุดหักเหที่ไม่อาจย้อนคืนในโศกนาฏกรรมที่เรียกว่าชีวิตของเขา

ตัวหนังโดดเด่นด้วยท่าทีการเล่าที่เนิบช้า แต่มีน้ำหนักด้วยความเศร้าหมอง ประกอบกับความรักที่ต้องเก็บซ่อนของไชรอนมีต่อเควิน เพราะกลัวว่าความรู้สึกนี้จะเผยความอ่อนแอที่ทำให้เขาถูกทำร้ายซ้ำแล้วซำเล่าเช่นในอดีต ทำให้รสชาติหวานขมของมันเป็นประสบการณ์ภาพยนตร์ที่ไม่ธรรมดา

10. Bodies Bodies Bodies

ตบท้ายกันด้วยหนังตลกร้ายรสชาติเปรี้ยวจี๊ด และจิกกัดวัยรุ่นอเมริกันได้อย่างเผ็ดร้อนในคราวเดียวกัน จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแก๊งวัยรุ่นเด็กรวยคะนองฮอร์โมนนัดกันมาจัดปาร์ตี้สุดสัปดาห์กัน ระหว่างที่เล่นเกมตามหาฆาตรกร ไฟฟ้าดันเกิดดับเพราะพายุ แล้วก็มีคนตายอย่างสยดสยองขึ้นมาจริง ๆ แน่นอนว่าเมื่อมีคนตายในพื้นที่ปิดอย่างนี้ คนร้ายต้องอยู่ในหมู่พวกเรา และถ้าฉันไม่ได้ทำ ก็ต้องเป็นพวกแกสักคนแหละที่ทำ เกมตามจับฆาตรกรของแท้จริงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการเปิดเปลือยความรู้สึกอันแสนอัปลักษณ์ที่ซุกอยู่ใต้พรมของมิตรภาพ

Bodies Bodies Bodies เป็นหนังที่อุดมไปด้วยความยียวน ทุกองค์ประกอบมันมีเอาไว้กระเซ้าเย้าแหย่วัยรุ่น Gen Z กับบรรดาชาวเน็ตทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำจากปากตัวละครที่เหมือนหลุดออกมาจากอินเตอร์เนตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือวิธีการต่อล้อต่อเถียง ลูกเล่นการจับผิดตรรกะวิบัติ การยกเหตุผลมาประกอบเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามในบทสนทนายอมจำนนต่อความผิดของตัวเอง

และเหนืออื่นใดมันเปิดโปงให้เห็นความน่าเกลียดของความสัมพันธ์เชิงอำนาจในหมู่เพื่อนซึ่งมีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน ทำให้เห็นว่าในหมู่วัยรุ่นร้าย ๆ พวกนี้ ความเป็นเพื่อนอาจไม่ต่างอะไรกับข้าวของเครื่องใช้แพง ๆ ที่พวกเขาสะสมไว้ประดับบารมี

 

รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?

Loading spinner
Related Stories

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง