หนึ่งในนักออกแบบดีไซน์เนอร์ผู้ยึดหลักสไตล์ความไร้เพศ Androgyny มาตลอดกาล หนีไม่พ้นพ่อมดชุดดำคุณ Yohji Yamamoto แห่งยุค 80s ที่ปัจจุบันยังคงมีผลงานโดดเด่นโลดแล่นบนเวทีแฟชั่นระดับโลกอยู่เสมอ และแบรนด์ Y-3 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2003 ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์อยู่ในการดูแลของเขา เมื่อทางโยจิเองอยากจะกระโจนเข้ามาสนุกกับโลกสตรีทแวร์ และกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ในวงการสปอร์ตแวร์โดยเฉพาะอย่าง Nike แต่ถูกปฏิเสธ เลยมาลงเอยกับ Adidas กลายเป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างแฟชั่นสไตล์อาวองต์การ์ดของ ‘Y’ ตัวแทนของ Yohji Yamamoto และเลข ‘3’ สื่อสารถึงตัวตนของแบรนด์กีฬาโลโก้สามแถบสุดโด่งดัง
จากเด็กหนุ่มผู้เติบโตมาภายในร้านตัดเสื้อของแม่ เรียนจบด้านกฎหมาย แต่สุดท้ายก็เลือกเบนเข็มมาทางแฟชั่นในที่สุด แน่นอนว่าการตัดเย็บเสื้อผ้าสไตล์ผู้หญิงเป็นความคุ้นเคยและเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าความหรูหราเรียบร้อยทุกกระเบียดเป็นความน่าแหนงหน่าย เป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเท่าไหร่และอยากทำชุดผู้ชายสำหรับผู้หญิงมากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาเป็นที่ประจักษ์ผ่านผลงานหลังจากนั้น
กว่าลายเซ็นของ Yohji Yamamoto ในแบรนด์ของ “Y-3” จะเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องนุ่งห่มวงการกีฬานั้น ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเหมือนการปลอกกล้วยเข้าปาก ธุรกิจนี้ในปี 2002-2003 เวลานั้นโดดเดี่ยวมาก และการคอลแลพร่วมงานกันในวงการแฟชั่นกับอุตสหกรรมเสื้อผ้ากีฬาก็ยังไม่เป็นที่นิยมเหมือนในปัจจุบันนี้ แต่ทุกอย่างก็เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า Yohji Yamamoto ผู้บุกเบิกความไร้เพศ Genderlessในฐานะ Sport wear สามารถทำได้ทั้งในประเทศญี่ปุ่นสู่การผลิใบเติบใหญ่ในระดับโลก
อีกหนึ่งเหตุผลที่การหลอมรวมกันระหว่างแฟชั่นกีฬา Sport wear ศิลปะ และวิทยาศาสตร์อยู่เหย้ายืนยงมีชีวิตได้เพราะมันตอบโจทย์รูปแบบวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน ตลอดจนการคำนึงถึงความแตกต่างหลากหลายสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ – แน่นอนใครๆ ก็ฝันใฝ่อยากสวมใส่ผลงานศิลปะที่พิมพ์ลงบนเส้นใยผ้ากันทั้งนั้น
เช่นเดียวกับคอลเลคชั่น SPRING 2024 MENSWEAR แบรนด์ Y-3 ที่รวมคอนเซปต์การออกแบบมาจากธรรมชาติและการใช้สีสังเคราะห์พร้อมแถบ 3 เส้นกรรมสิทธิ์เฉพาะ ของadidasกับรูปทรงเรขาคณิตที่ให้ความรู้สึกของความอาวองต์การ์ดแทนที่เส้นโค้งที่ปรากฎอยู่ในคอลเลคชั่นก่อนหน้านี้ แต่ลงตัวกับสัดส่วนและรูปร่างของชุดได้อย่างน่าประหลาดใจ
แฟชั่นไร้เพศ Genderless ยังคงมีเส้นทางอีกยาวไกลในอนาคต และยังคงถูกผลิตออกมาผ่านคอลเลกชั่นจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นในร้านค้า ออนไลน์ ที่งานแฟชั่นโชว์ หรือในสื่อแฟชั่นมักจะให้ความสำคัญกับสไตล์ที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศ ในอนาคตสิ่งเหล่านี้จะยังคงมีความสำคัญสำหรับนักออกแบบหน้าใหม่ที่มีความต้องการผลิตผลงานมีแนวคิดทลายของเขตของเพศชาย-หญิงลง แน่นอนว่ามันสามารถทำกำไร สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีจำนวนมากขึ้น
ถ้าผู้ชายไม่ได้มาจากดาวอังคาร และผู้หญิงก็ไม่ได้เดินทางมาจากดาวศุกร์ เมื่อแฟชั่นไร้เพศ สู่การหลอมรวมที่สะท้อนให้เห็นว่าเราต่างหยัดยืนอยู่บนโลกใบเดียวกัน
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?
