ข้อมูล HIV หลุด! Grindr ละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือแค่ทำตามมาตรฐาน

เมื่อเร็วๆนี้ LGBTQ+ จำนวนกว่า 700 คน ได้ยื่นฟ้องแอปหาคู่ Grindr ข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถานะการติดเชื้อ HIV ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและเป็นความลับ เป็นการละเมิดต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสหราชอาณาจักร

ทีมทนายความผู้ยื่นฟ้องคดีนี้อ้างว่า Grindr เปิดเผยข้อมูลสถานะการติดเชื้อ HIV และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ให้กับบริษัทภายนอก เช่น Apptimize และ Localytics ในช่วงปี 2018-2020 หากชนะคดี อาจทำให้ผู้เสียหายแต่ละคนได้รับค่าชดเชยหลักพันปอนด์ (เกือบๆ ห้ามหมื่นบาท) เป็นมูลค่ารวมกว่า 100,000 ปอนด์เลยทีเดียว

ทาง Grindr ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยบอกว่าได้ปรับเปลี่ยนเรื่องระบบยินยอมให้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ปี 2020 แล้ว และข้อกล่าวหานี้น่าจะตีความแนวทางของ Grindr ที่ทำก่อนหน้านี้ผิดไป แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้ที่ร่วมคดียืนยันว่าข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาถูกส่งต่อโดยไม่ได้ยินยอม ทำให้พวกเขาเครียดอย่างหนัก ทาง Grindr มีหน้าที่ต้องชดใช้ให้กับชุมชนที่ตัวเองให้บริการ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Grindr ถูกจับผิดเรื่องการแชร์ข้อมูลสถานะ HIV ของผู้ใช้ เพราะกลับไปเมื่อปี 2018 รายงานของนักวิจัยชาวนอร์เวย์ก็เคยระบุถึงเรื่องนี้มาแล้ว และยังเคยถูกปรับเงินเมื่อปี 2021 ฐานละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล GDPR อีกด้วย โดยทาง Grindr อ้างว่าการขายข้อมูลแก่บริษัทเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาแอปให้ดีขึ้น และยืนยันว่าได้หยุดส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับสถานะ HIV ของผู้ใช้ไปแล้วตั้งแต่ปี 2018

กรณีนี้ตอกย้ำอีกครั้งว่า สิทธิส่วนบุคคล โดยเฉพาะของชาว LGBTQ+ นั้น มักถูกละเมิดโดยเจ้าของแพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดใหญ่ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ แม้ว่าจะอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้ก็ตาม ในยุคที่ข้อมูลคือทองคำ การรักษาความเป็นส่วนตัวและความไว้วางใจของผู้ใช้จึงเป็นความท้าทายสำคัญของผู้ให้บริการ นอกจากนี้ยังต้องมีกลไกกฎหมายที่ชัดเจน เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้ อีกทั้งยังต้องมีการสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนในสังคม ให้ตระหนักถึงคุณค่าของข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่มักเป็นกลุ่มเปราะบางและตกเป็นเป้าหมายทั้งการเอาเปรียบและการเลือกปฏิบัติ

หากปล่อยให้ปัญหานี้ดำเนินต่อไป ไม่เพียงความเชื่อมั่นในผู้ให้บริการแอปพลิเคชันจะลดลง สังคมยังอาจเดินไปสู่จุดที่ผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนในโลกออนไลน์ หวั่นเกรงว่าจะถูกแบ่งปันข้อมูลและเลือกปฏิบัติ น่าจับตาดูว่าการพิจารณาคดีนี้ จะไปในทิศทางใด และจะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายและจริยธรรมของผู้ให้บริการรายใหญ่ในวงการเทคโนโลยีหรือไม่ อย่างไร ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ทุกฝ่าย ทั้งผู้ใช้ ผู้ให้บริการ ไปจนถึงภาครัฐ ต่างก็มีส่วนสำคัญที่ต้องร่วมมือกัน เพื่อกำหนดแนวทางการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของทุกคนในยุคดิจิทัลนี้อย่างเหมาะสมต่อไป

ที่มาของข้อมูล https://gcn.ie/grindr-sued-sharing-users-hiv-status/

 

รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?

Loading spinner

แชร์บทความนี้

Tag

Related Stories

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง