แคมเปญ #WeAreEverywhere ปีนี้เล็งเห็นความสำคัญของการสนับสนุนและให้กำลังใจคนในชุมชน LGBTQ+ ให้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิและความเท่าเทียม แม้จะถูกรัฐบาลโจมตีผ่านนโยบายใหม่ที่จะสั่งห้ามสอนเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศและคนข้ามเพศในโรงเรียนก็ตาม

Christopher Joell-DeShields หัวหน้าคณะผู้จัดงาน ย้ำชัดว่า “ชุมชน LGBTQ+  นั้นไม่ใช่แค่เรื่องประเด็นการเมือง แต่เป็นส่วนสำคัญของผู้คนและสังคมลอนดอน การจัดงานพาเหรดและแคมเปญนี้ต้องการบอกให้โลกรู้ว่า เราจะไม่หวั่นไหวและจะสู้ต่อไปเพื่อความเท่าเทียม”

ในปีที่แล้ว ขบวนพาเหรด Pride in London มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.5 ล้านคน นับเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา งานนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองอย่างเดียว แต่ยังมีการประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่คนทุกเพศทุกวัยอีกด้วย  

ในเดือนมิถุนายนนี้มีงาน Pride จัดขึ้นทั่วโลกเพื่อแสดงพลังของชุมชน LGBTQ+ ส่งเสริมให้เกิดการยอมรับความหลากหลาย และร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าคุณจะมีอัตลักษณ์ทางเพศแบบไหน เพราะเราทุกคนล้วนเท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์

ปีนี้งาน Pride ที่ลอนดอนดูจะยิ่งใหญ่และพิเศษกว่าเดิม เพราะจัดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษแค่ไม่กี่วัน คนในชุมชนจึงต้องการใช้พื้นที่และโอกาสนี้ส่งเสียงให้นักการเมืองได้ยิน

การเดินขบวนไม่ได้มีไว้เดินเล่นรื่นเริงสนุกสนานเท่านั้น แต่เป็นการแสดงจุดยืน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชุมชน LGBTQ+  และหวังให้คนทั่วไปตระหนักว่า ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน ในโรงเรียน หรือบนถนน เราอยู่ทุกที่ เราไม่ใช่คนชายขอบ ไม่ใช่คนแปลกแยก เราคือส่วนหนึ่งของสังคมที่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม

ใครก็ตามที่สนับสนุนความเท่าเทียมและต่อต้านการเลือกปฏิบัติ  และอยากเข้าร่วมแคมเปญนี้กับ Pride in London โพสต์ข้อความผ่านแฮชแท็ก #WeAreEverywhere ได้ เพื่อเป็นกำลังใจและแสดงให้เห็นว่า เรื่องของ LGBTQ+ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะเราทุกคนล้วนมีคนที่รักและเป็นห่วงอยู่รอบๆ ตัว

ที่มา: The Pink News

 

รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?