ความโดดเด่นของ ‘The Boyfriend’ อยู่ที่การนำเสนอภาพความสัมพันธ์ของชายรักชายอย่างเป็นธรรมชาติและจริงใจ
Digital Spy ยกย่องรายการนี้ว่าเป็น “รายการหาคู่เกย์ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ” และเป็น “รายการที่ต้องดู” แม้สำหรับคนที่ไม่ชอบรายการเรียลลิตี้ทั่วไป ในขณะที่รายการเรียลลิตี้หาคู่ส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่ความตื่นเต้นเร้าใจและดราม่า ‘The Boyfriend’ กลับเลือกที่จะนำเสนอมุมมองที่เรียบง่าย อบอุ่น และสมจริง
The Guardian ชื่นชมจังหวะของรายการว่า “รู้สึกเหมือนชีวิตจริงมากกว่า” เมื่อเทียบกับรายการหาคู่อื่นๆ
ในบริบทของสังคมญี่ปุ่น ซึ่งยังไม่มีกฎหมายรับรองการสมรสระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน และการเปิดเผยตัวของคนดังที่เป็น LGBTQ+ ยังคงเป็นเรื่องที่มีอยู่น้อย ‘The Boyfriend’ เลยไม่ใช่แค่รายการบันเทิงธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือทางสังคมที่มีพลังในการสร้างการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ
Decider ชี้ให้เห็นว่ารายการนี้พยายาม “แสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายในชุมชนเกย์ของญี่ปุ่นในแง่มุมที่เป็นปกติ” ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างการยอมรับในสังคม
รายการนี้ท้าทายบรรทัดฐานสังคมด้วยการนำเสนอชีวิตประจำวันของผู้เข้าร่วมอย่างเป็นธรรมชาติ
New York Times ให้ความสนใจกับบรรยากาศของรายการที่ “อบอุ่นและส่วนใหญ่บริสุทธิ์” โดยเน้นย้ำว่ารายการนี้ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและการพัฒนาตนเองเท่าๆ กับเรื่องโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในรถกาแฟ การทำอาหารร่วมกัน หรือแม้แต่การถกเถียงเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อไก่เพื่อทำเชคโปรตีน สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่าชีวิตของคนในชุมชน LGBTQ+ ก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป
ในแง่ของวัฒนธรรมป๊อป ‘The Boyfriend’ กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการผสมผสานความเป็นเอเชียเข้ากับการนำเสนอเรื่องราว LGBTQ+ ซึ่งมักจะถูกครอบงำโดยมุมมองตะวันตก The Independent มองว่ารายการนี้เป็น “พิมพ์เขียวสำหรับรายการหาคู่แบบใหม่” และเป็น “ยาแก้พิษที่สมบูรณ์แบบสำหรับความเหนื่อยหน่ายจาก Love Island”
The Daily Beast ถึงกับกล่าวว่า ‘The Boyfriend’ เป็น “รายการเรียลลิตี้ที่ดีที่สุดบนทีวี” และชื่นชมว่ารายการนี้ “กำลังเปลี่ยนสูตรเรียลลิตี้ที่น่าเบื่อและเอาแต่หาผลประโยชน์อย่างที่เราคุ้นเคย”
ขณะที่ Out เปรียบเทียบบรรยากาศของ ‘The Boyfriend’ กับรายการอย่าง Terrace House และ Love On The Spectrum มากกว่า Love Island หรือ The Ultimatum สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางที่เรียบง่ายและจริงใจมากกว่าของรายการ
การที่ Netflix เลือกที่จะนำเสนอรายการนี้บนแพลตฟอร์มระดับโลก เป็นสัญญาณที่ดีว่าอุตสาหกรรมบันเทิงกำลังเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับเรื่องราวที่หลากหลาย และเป็นการยกระดับการสนทนาเกี่ยวกับสิทธิของ LGBTQ+ ในระดับสากล
หวังว่าความสำเร็จของ ‘The Boyfriend’ จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการผลิตเนื้อหาที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างสังคมที่เปิดกว้างและเท่าเทียมสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะมีเพศสภาพหรือรสนิยมทางเพศแบบใดก็ตาม
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?