Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One ภาพสะท้อนภัยคุกคามใหม่ของโลกที่เปลี่ยนแปลง และตัวละครหญิงที่(ยังคง)ไร้การพัฒนา

Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One เป็นภาคที่ 7 ของภาพยนตร์แฟรนไชส์สุดฮิต ที่นำแสดงโดยนักแสดงมากความสามารถอย่าง Tom Cruise และกำกับโดยผู้กำกับคู่ใจ Christopher McQuarrie แน่นอนว่าภาคนี้ อีธาน ฮันต์ ก็ต้องเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ท้าทายความสามารถของสายลับคนนี้อีกแล้ว อย่างไรก็ดีถ้ามองผ่านเลนส์ของกรอบคิดทางเพศ ตัวละครหญิงของแฟรนไชส์นี้ ก็ยังคงไร้การพัฒนาเช่นเดิม บทความนี้ จะมาเจาะลึกประเด็นต่างๆ กัน

Mission: Impossible กับภาพสะท้อนภัยคุกคามของโลก

ก่อนจะมาเป็นหนัง Mission: Impossible ที่ Tom Cruise มานำแสดงครั้งแรกในปี 1996 Mission: Impossible เป็นซีรี่ย์มาก่อนโดยออกฉายครั้งแรกในปี 1966 ทางช่อง CBS และย้ายมาฉายช่อง ABC รวมระยะเวลากว่า 7 ปี 

การกำเนิดของหนังสายลับอเมริกัน อีธาน ฮันต์ ใน Mission: Impossible คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นผลพวงจากกระแสหนังสายลับของฝั่งอังกฤษที่กำเนิดสายลับอย่าง James Bond 007 ใน The Casino Royale (1954) จนโด่งดังไปทั่วโลก และแน่นอนว่าฉากหลังของทั้งสองเฟรนไชส์ก็คือเรื่องราวการต่อสู้ของสายลับในยุคสงครามเย็น ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับสหภาพโซเวียต 

Mission: Impossible ในทุกภาค ก็แฝงไปด้วยนัยยะทางสังคมและการเมือง โดยเน้นความน่าตื่นกลัวของภัยคุกคามร่วมสมัยที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี การจารกรรม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรื่องเล่ามักกล่าวถึงองค์กรอันธพาลและรัฐอันธพาล ซึ่งสะท้อนสภาพภูมิรัฐศาสตร์ในโลกแห่งความเป็นจริงในช่วงเวลานั้น ๆ

ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์ในสามภาคแรกก็มีแนวโน้มที่จะเล่าถึงประเทศในยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของการก่อการร้ายระหว่างประเทศ โดยสะท้อนถึงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 และต้นทศวรรษที่ 20

ส่วนใน Mission: Impossible – Rogue Nation (2015) และ Fallout (2018) ศัตรูหลักของอีธาน ฮันต์ คือเครือข่ายสายลับอันธพาลที่ปฏิบัติการข้ามพรมแดนของประเทศ เช่น การก่อการร้ายทั่วโลกและอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งสะท้อนถึงภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงของความมั่นคงทั่วโลกในศตวรรษที่ 21

และในภาคนี้ Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One อีธาน ฮันต์ ก็ต้องเจอภัยคุกคามรูปแบบใหม่อีก ซึ่งคือปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ทีสามารถเข้าถึงข้อมูลของคนทั่วโลกและทำนายผลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนว่ามนุษย์ในปัจจุบันก็เริ่มตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวอย่างมากแล้ว

มอง Mission: Impossible ผ่านกรอบคิดเรื่องเพศ ภาพตัวแทนของผู้หญิงในหนังที่ยังคงไร้การพัฒนา

ในขณะที่เฟรนไชส์ของหนังปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีแนวคิดที่ทันสมัยสอดรับต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก แต่มุมมองเรื่องกรอบคิดทางเพศของหนังยังคงย่ำอยู่กับที่อยู่หากเราพิจารณาหนังเรื่องนี้ผ่านเจนเดอร์เลนส์

ตลอดทั้งเฟรนไชส์ เราจะเห็นว่า การสร้างภาพตัวแทนของผู้หญิงในหนังทุกภาคนั้น ไม่มีความสม่ำเสมอ เลย เพราะหนังเลือกที่จะโฟกัสที่ตัวเอกอย่างอีธาน ฮันต์ เพียงอย่างเดียว ตัวละครหญิงก็เป็นแค่ตัวรอง แม้ว่าจะมีตัวละครที่แข็งแกร่งหลายตัวเช่น Ilsa Faust (Rebecca Ferguson) หรือ Julia Meade (Michelle Monaghan) 

ผู้หญิงในหนัง มักจะถูกฉายภาพให้เป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีความสามารถ แต่บทบาทของพวกเธอมักจะเชื่อมโยงกับการพัฒนาตัวละครของอีธานมากกว่าการเล่าเรื่องที่เป็นอิสระจากตัวเอง ผู้หญิงในเรื่องจึงมักจะทำหน้าที่เป็นแค่คนรัก หรือตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการกระทำของอีธานแทนที่จะมีประเด็นเป็นของตัวเองสักเท่าไร แม้ว่าตัวละคร Ilsa Faust ในภาคต่อๆ มาจะพยายามสวนทางกับกระแสนี้ด้วยการแสดงภาพสายลับระดับใกล้เคียงกับอีธานและพยายามสร้างบทบาทที่สำคัญของเธอในเรื่อง หรือการมีตัวละครอย่าง White Widow โผล่ขึ้นมา แต่บทบาทของเธอก็เป็นแค่ตัวกลางในการเจรจาที่มีภูมิหลังที่น้อยเหลือเกิน 

และ เราก็จะเห็นตัวละครหญิงที่โผล่ขึ้นมาใหม่ในทุกๆภาค และก็พร้อมจะหายไปหรือตายลงไปในภาคต่อๆ ไป โดยที่คนดูยังไม่ได้เห็นพัฒนาการอย่างจริงจังเลย ตัวละครหญิงในเฟรนไชส์นี้จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เติบโตอย่างยั่งยืนและพร้อมที่จะถูกเปลี่ยนตัวได้ทุกเมื่อ เหมือนที่เฟรนไชส์ของ James Bond ทำ จนมีศัพท์ที่เรียกว่า ผู้หญิงของบอนด์ (Bond’s girl)

แน่นอนว่าเฟรนไชส์ Mission: Impossible ก็ขับเน้นบทบาทของผู้ชายตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมอยู่แล้วไม่ใช่เฉพาะตัวเอกของเรื่อง แต่ สายลับคนอื่นๆ, ทีมงานของอีธาน หรือแม้กระทั่งฝ่ายคู่อริ ก็มีแต่ตัวละครเพศชาย และตัวละครหญิงมักจะมีบทบาทผู้สนับสนุนทางอารมณ์ของอีธานเสียส่วนใหญ่

 ถึงแม้ว่าจะมีการพยายามสร้างตัวละครอย่าง Ilsa Faust ที่นำเสนอทักษะและความสามารถในระดับเดียวกับอีธาน แต่ดูเหมือนว่าในภาคนี้ ก็ยังไปได้ไม่สุดทาง แม้ว่า Mission: Impossible จะนำเสนอภัยคุกคามรูปแบบใหม่ หรือความทันสมัยมากมายบนโลกก็ตาม แต่บทบาทของผู้หญิงในหนังจารกรรม สายลับ เรื่องนี้ ก็ยังคงไม่ได้รับการพัฒนามากเท่าที่ควรจะเป็นให้เข้ากับยุคสมัยแต่อย่างใด

 

รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?

Loading spinner
Related Stories

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง