ในโลกที่เน้นการทำงานหนักและการเป็นคนที่ต้องมีประสิทธิภาพสร้างประสิทธิผลตลอดเวลา ผลกระทบที่มีต่อสุขภาพกายและจิตเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้
การทำงานหนักจนตาย หรือทำงานหนักเกินไปมีอยู่จริง และสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง อย่างเช่นในกรณีเหล่านี้
ในญี่ปุ่นมีคำว่า “Karoshi” ซึ่งแปลว่า “การตายจากการทำงานหนัก” ก็คือเอาไว้อธิบายการเสียชีวิตที่เกิดจากการทำงานหนัก แบบตายไปจริงๆ ซึ่งรวมถึงการเกิดโรคหัวใจและโรคอื่นๆ ที่เกิดจากความเครียดด้วย
ในจีน มีการใช้คำว่า “Guolaosi” ซึ่งหมายถึง “การทำงานหนักจนตาย” เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่คล้ายกับ Karoshi ในญี่ปุ่น โดยมีรายงานการเสียชีวิตจำนวนมากมายที่สืบแล้วเกี่ยวข้องกับการทำงานมากเกินไป
ในเกาหลีใต้ มีรายงานกรณีของการทำงานหนักจนเกินไปอยู่เสมอ ๆ เกาหลีเป็นประเทศที่มีมีอัตราชั่วโมงการทำงานที่สูงมากในหมู่ประเทศ OECD (กลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ตอนนี้มีสมิก 30 ประเทศ)
สถิติแสดงให้เห็นว่าความเครียดจากการทำงานและชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและกายของพนักงาน นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
การมีช่วงเวลาที่ไม่ทำอะไรเลยจึงมีความสำคัญ การหยุดพักจากกิจกรรมประจำวันและการลดความเครียดไม่ได้หมายถึงความขี้เกียจหรือการไม่รับผิดชอบ แต่เป็นการดูแลตัวเอง เป็นการรักษาสุขภาพจิต กลับมาตระหนักรู้ถึงสภาวะข้างในจิตใจ และข้อจำกัดทางร่างกายของตัวเอง
“National Nothing Day” จึงเป็นเครื่องเตือนใจถึงความจำเป็นในการใช้เวลาพักผ่อนและการหยุดพักจากความต้องการของสังคมในการเป็นคนที่ ‘Productive’ ตลอดเวลา ถึงแม้สถานการณ์ในชีวิต หรือสภาวะทางเศรษฐกิจจะบีบคั้นเราแค่ไหนก็ตาม
การหยุดพักจากการทำงานและสิ่งที่สร้างความเครียดไม่เพียงแต่ช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพจิตและกาย แต่ยังช่วยให้เรามีมุมมองที่ดีขึ้นต่อชีวิตและงาน การมีสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างชีวิตที่มีความสุขและยั่งยืน
“National Nothing Day” หรือวันหยุดพักอื่น ๆ ตามแต่เราจะตระหนักรู้ ไม่เพียงแต่เป็นวันที่เราสามารถหยุดและพักผ่อน แต่ยังเป็นวันที่เตือนเราถึงคุณค่าของการพักผ่อนและการใช้เวลากับตัวเอง เพื่อให้เรายังมี ชีวิตที่เป็นชีวิตที่ดีต่อไป
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?