วันที่ 12 พฤษภาคมของทุกปีถูกกำหนดให้เป็นวันพยาบาลสากล โดยสภาการพยาบาลสากล International Council of Nurses (ICN) ซึ่งตรงกันกับวันคล้ายวันเกิดของฟลอเรนซ์ ไนติงเกล (Florence Nightingale) ผู้บุกเบิกปรัชญาการพยาบาลสมัยใหม่
Florence Nightingale เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ปี1820 ในครอบครัวชนชั้นฐานะร่ำรวยของอังกฤษ แต่เธอไม่ชอบออกงานสังคม ไม่นิยมกิจกรรมสังสรรค์แบบที่สาวไฮโซในสมัยนั้นส่วนใหญ่นิยมทำกัน แต่สิ่งที่เธอชอบทำมาตั้งแต่เด็กคือการช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ยากไร้ และมีอาชีพในฝันคือ “พยาบาล” ซึ่งแน่นอนว่าพ่อแม่ของเธอไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ และการเป็นพยาบาลก็ไม่ใช่อาชีพสำหรับคนในสังคมชั้นสูง ทั้งสองเพียงต้องการให้ลูกสาวแต่งงานกับผู้ชายจากครอบครัวมีตระกูล เสวยสุข แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Florence Nightingale ปรารถนา
ในขณะที่เธออายุเพียง 17 ปี เธอได้ปฏิเสธข้อเสนอการแต่งงานกับชายหนุ่มที่ผู้ใหญ่จัดแจงจัดหามาให้ชื่อ Richard Monckton Milnes แล้วขอไปทำตามความฝันของตัวเองโดยการตัดสินใจเข้าเรียนพยาบาลที่ Lutheran Hospital of Pastor Fliedner in Kaiserwerth ในประเทศเยอรมนี ในปี 1844
หลังจากเรียนจบในปี 1850 Florence Nightingale ได้กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลในมิดเดิลเซ็กซ์ที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่อหิวาตกโรคกำลังระบาดพอดี เธอวางแผนเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดนี้โดยให้ความสำคัญต่อการจัดการด้านสุขลักษณะเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ซึ่งก็ได้ผลดีมาก จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลลดลง
หลังจากที่สงครามไครเมีย (Crimean War) เริ่มขึ้นในปี1854 มีทหารอังกฤษกว่าหมื่นคนได้รับบาดเจ็บและอยู่ในโรงพยาบาลทหาร ซึ่งขณะนั้นไม่มีพยาบาลผู้หญิงอยู่เลย Florence Nightingale ได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือจากทางกองทัพ เธอกับพยาบาลรวม 34 คน จึงรีบออกเดินทางไปยังไครเมีย ซึ่งโรงพยาบาลไครเมีย มีสภาพย่ำแย่สุด ๆ พื้นสกปรก เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล หนูและแมลงวิ่งกันขวักไขว่ ไม่มีอะไรที่ถูกสุขลักษณะเลย น้ำสะอาดก็เริ่มขาดแคลน แถมยังมีการระบาดของไข้ไทฟอยด์และอหิวาตกโรคในหมู่ทหารบาดเจ็บเพิ่มเข้าไปอีก มีคนตายจากโรคร้ายมากขึ้นทุกวัน
Florence Nightingale เห็นแล้วจึงไม่รอช้า รวบรวมคน รวมทั้งผู้ป่วยที่อาการไม่หนัก มาร่วมปฏิบัติการคลีนแอนด์เคลียร์ ทำความสะอาดพื้นที่โรงพยาบาลแบบทั่วทุกซอกทุกมุมทันที โรงพยาบาลมีสภาพดีขึ้น คนตายน้อยลง เธอทุ่มเททำงานอย่างมุ่งมั่น แม้ตอนกลางคืนก็ยังถือตะเกียงออกไปเดินสอดส่องและคอยดูแลผู้ป่วย พวกทหารในโรงพยาบาลเรียกเธอว่า “The Lady with the lamp”
นอกจากดูแลผู้ป่วยแล้ว Florence Nightingale เธอยังกำหนดระบบต่าง ๆ ในโรงพยาบาลที่ถูกสุขลักษณะและเอื้อต่อการดูแลรักษาผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นโรงอาหาร ห้องซักล้าง ห้องสมุด เธอยังเขียนหนังสือเรื่อง Notes on Matters Affecting the Health, Efficiency and Hospital Administration of the British Army
ซึ่งเป็นการถอดบทเรียนการปรับปรุงโรงพยาบาลทหารในไครเมียไว้อย่างละเอียด หนังสือเล่มนี้เป็นต้นแบบ และจุดประกายให้เกิดการปฏิรูปการสาธารณสุขในโรงพยาบาลทหารของอังกฤษในเวลาต่อมา
“Nightingale Rose Diagram” เป็นภาพอินโฟกราฟิกที่ไนติงเกลทำขึ้น เพื่อแสดงข้อมูลสถิติสาเหตุและอัตราการตายของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลทหารในไครเมียแบบครบจบในแผ่นเดียว แบบเห็นปุ๊บเข้าใจเลยว่าสาเหตุการตายเกิดจากการจัดการด้านสาธารณสุขในโรงพยาบาลที่ไม่ดีพอ เมื่อมีการปรับปรุงให้ถูกสุขลักษณะมากขึ้น อัตราการตายของผู้ป่วยก็ลดลง ด้วยความสามารถอันโดดเด่นในด้านนี้ เธอจึงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นสมาชิกของ Royal Statistical Society ของอังกฤษ และเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของ American Statistical Assosciation
ในปี 1860 Florence Nightingale ก่อตั้ง Nightinggale Training School for Nurses ที่โรงพยาบาล St. Thomas ในลอนดอน ด้วยความที่เธอมีชื่อเสียงโด่งดัง เรียกว่าเป็นไอดอลของผู้หญิงอังกฤษในยุคนั้นก็ว่าได้ การก่อตั้งโรงเรียนฝึกพยาบาลแห่งนี้จึงเป็นเหมือนการปลุกกระแสอาชีพพยาบาลให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น
Florence Nightingale ยังคงทำงานด้านการพยาบาลและการปฏิรูปสาธารณสุขจนบั้นปลายของชีวิต เธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ปี 1910 ในอายุ 90 ปี
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.history.com/topics/womens-history/florence-nightingale-1
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?