นอกจากร่างที่ครม. เสนอ ยังมีร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่เสนอโดย สส. และร่างฉบับภาคประชาชน รวมสามฉบับ
1) ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมฉบับภาคประชาชน: ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมหลายองค์กรในนาม ภาคีสีรุ้งเพื่อสมรสเท่าเทียม ใช้กลไกการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย รวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิน 10,000 ชื่อเพื่อเสนอร่างกฎหมาย ได้รายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิน 10,000 ชื่อแล้ว บรรจุวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 20 ธันวาคม 2566 แล้ว
2) ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ฉบับเสนอโดย สส. พรรคก้าวไกล: เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 สส.พรรคก้าวไกลเสนอร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยเนื้อหาร่างเป็นฉบับเดียวกันกับที่เคยเสนอสภาชุดก่อนที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2562 โดยร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมฉบับนี้ ก็ถูกบรรจุในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้วเช่นกัน รอเข้าสู่การพิจารณาวาระหนึ่ง
3) ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ฉบับกระทรวงยุติธรรม เสนอโดย ครม.: ฟากกรมคุ้มครองสิทธิเสรีและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ก็ผลักดันร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยกับสื่อหลังการประชุม ครม. ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้เสนอร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่อสภาในวันที่ 21 ธันวาคม 2566
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 21 ธันวาคม 2566 ก็มีนัดสำคัญน่าจะจับตาคือการพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม สามฉบับจากสามภาคส่วนที่เสนอ เนื่องจากร่างกฎหมายทั้งสามฉบับมีหลักการทำนองเดียวกัน สภาสามารถพิจารณาไปพร้อมกันได้ และสามารถลงมติรับหลักการหรือไม่รับหลักการร่างทุกฉบับในวาระหนึ่งได้ หากสภาลงมติรับหลักการร่างกฎหมายแล้ว ลำดับถัดไปก็จะเป็นการลงมติว่าจะใช้ร่างใดเป็นร่างหลักในการพิจารณาในวาระสอง (ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 117)
หากสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมทุกฉบับไปพร้อมกันและมีมติรับหลักการร่างทุกฉบับ เนื่องจากมีร่างภาคประชาชนด้วย ก็จะส่งผลให้ตัวแทนภาคประชาชนได้โควตาเข้าไปเป็นกรรมาธิการพิจารณารายละเอียดด้วย (ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 122)
ขอบคุณข้อมูลจาก: iLaw
รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับโพสต์นี้?